กล้องในดวงใจของผม ภาคสอง (ภาคกล้อง AF)
หลังจากเขียนเรื่องกล้องในดวงใจของผมไป (ไม่รู้มีคนอ่านรึป่าว ....แต่ช่างเถอะ เพราะมันไม่ใช่ประเด็น ^__^ ) ครั้งนั้นพูดถึงแต่กล้อง MF ที่ถึงวันนี้ ผมก็ยังอยากใช้อยู่นั่นแหละ ว่าแล้วก็จะไปเอา Fx-7 มาซ่อมดีกว่า เอิ๊กๆ ......มาเข้าเรื่องซะที พูดถึงกล้อง AF ในดวงใจของผม ก็ขอเริ่มที่ตัวแรกเลยละกัน อาจจะไม่โดนใจผมเท่าไหร่ แต่มันเป็นกล้อง AF ตัวแรก ที่ผมได้จับ ได้ใช้ และเป็นกล้องที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด มาสนใจกล้อง AF แทนกล้องกลไก ที่หลายๆ คน ก็คงเคยบ้าๆ เหมือนผม ว่า ถ่ายรูป ต้องปรับเองทุกอย่างถึงจะโปร....... แต่พอ ได้ลองกล้อง AFตัวนี้ ก็ทำให้ผมได้สำนึกว่า กล้อง AF มันก็มีดีอยู่เยอะเลยแหละนะ อิอิ
กล้องตัวที่ว่า ก็คือ PENTAX Z-10 ของรุ่นพี่คนนึง ที่เค้าเป็นสมาชิกชมรมถ่ายภาพ (แต่ผมไม่ได้เป็นนะ) แล้วเค้าขอให้ผมช่วยถ่ายรูปกิจกรรมให้ ผมเลยรู้ว่ากล้อง AF มันสะดวกจริงๆ ครับ ทำให้มีเวลาไปคิดถึงเรืองอื่นๆ ที่ไม่เคยนึกคิดเวลาถ่ายภาพ มากขึ้น เคยมั๊ยเวลาถ่ายภาพ เรากำลังปรับๆ คิดๆ ก็มีเสียงว่า เมื่อไหร่จะถ่ายซะที ยิ้มจนเหงือกแห้งแล่ว......^__^'' จากนั้นมา (จริงๆ ผมใช้กล้องตัวนั้นไม่กี่ชั่วโมงเองนะ) ผมก็เริ่มฝันถึงกล้อง AF ขึ้นมาจับใจ ถึงกล้องตัวนี้ จะไม่โดนใจผมเท่าไหร่ เพราะการออกแบบของ PENTAX ที่ออกจะแหวกแนวไปหน่อย แต่ก็ต้องถือว่ามันเป็นกล้องในดวงใจขอผมตัวนึงน่ะนะ อิอิ
ตัวต่อไปก็คือสุดยอดกล้องในดวงใจของผมเลยนะ Nikon F90x ครับ ถามว่าทำไมถึงชอบ ก็ต้องบอกว่า ผมชอบที่มันดูหล่อดีครับ อุอุการออกแบบ และวัสดุที่ใช้ ทำให้กล้องตัวนี้ดูโปรมากๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิด มันเป็นรองแค่ Nikon F4s เท่านั้นมั้ง....ถ้าเทียบสมัยนี้ ก็น่าจะเป็นพวก D200 D300 นั่นแหละ (มั่วๆ น่ะนะ)
ดูรูปซะก่อนครับ ผมว่ามันเท่ห์มากๆ เลยแหละ แถมชื่อของ Nikon ก็เป็นที่รู้กัว่าทนทานมาก สังเกตจาก มือสองที่หายๆ ครั้ง มีแต่สภาพผ่านสนามรบมาทั้งนั้น แต่มันก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม อุอุ แถมยังสามารถเมความสามารถของกล้อง โดยการติดกริป หรือ ฝาหลังเพิ่มเติมได้ อุอุ ระบบมันก็ดูเท่ห์ดีนะ อุอุ แต่ผมก็เคยจับตัวเป็นๆ ด้วยนะ ถึงจะไม่ได้ใช้เป็นจริงเป็นจังก็เถอะ อ่อ ผมชอบถึงขนาด ไปหาซื้อหนังสือ คู่มือก้องรุ่นนี้มาอ่านด้วยนะ ^__^ เคยมีคนถามเหมือนกันว่า ที่ซื้อมาอ่านน่ะ แกมีกล้องใช้รึไง .....ผมตอบว่า ป่าว ไม่มี ^__^''
กล้องตัวต่อมา เป็นกล้องหนึ่งในตัวเลือกของผม ในตอนที่จะซื้อกล้องมาใช้เอง แต่ผมก็ตัดออกไป เพราะราคามัสูงไปหน่อยน่ะนะ กล้องตัวนั้น ก็คือ Canon Eos50 ..... ชื่อนี้ คิดว่า หลายๆ ท่านคงจะรู้จักกันดี โดยเฉพาะน้าๆ คอหนอน น่ะนะ เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว มันเป็นกล้องยอดฮิตเลยน่ะน เพราะหลายๆ คนที่มีงบเยอะหน่อย ก็มักจะซื้อรุ่นนี้มาใช้กัน (เพราะรุ่นที่ต่ำกว่า ความสามารถมันก็โดนตัดไปเยอะน่ะนะ T__T )
แต่ที่ผมชอบอย่างนึงก็คือ สีของตัวกล้องที่เป็นแบบ ทูโทน น่ะนะมันดูดีอะนะครับ อ่อ อีกอย่างคือ รุ่นนี้มีการออกแบบมาในแนวคลาสสิคๆ เพราะแป้นปรับต่างๆ ที่ดูๆ ไปคล้ายๆ กล้องกลไกน่ะนะ (กล้องต่อๆ มา Canon ก็เอาออก เหลือแค่อันเดียว....) แต่ต่อมามันก็ถูกแทนที่ด้วย Eos 30,33 แทน ก่อนจะเข้าสู่ยุคของดิจิม่อนน่ะนะครับ ถ้าให้เทียบในยุดดิจิม่อน ผมว่าน่าจะเป็น 20D, 30D น่ะนะครับ (คิดว่านะ อิอิ ถ้าผิดอย่าว่ากันนะ)
มาถึงกล้องที่ตอนนี้ผมยังฝันที่จะไปสอยมาใช้งาน ถึงยุคของกล้องฟิล์มอาจจะผ่านไปแล้วก็ตาม นั่นก็คือ Minolta Dynax 7 นั่นเอง...คิดว่าน่าจะคุ้นๆ ชื่อกันมาไม่มากก็น้อยนะครับ เหตุที่ชอบ และฝังใจ ก็เพราะว่า การออกแบบ (อีกแล้ว) และคุณภาพของตัวกล้องและประสิทธิภาพของกล้อง ที่เรียกว่าไม่แค่ค่ายอื่นๆ เลยทีเดียว แล้วทำไมถึงชอบหล่ะ ทำไมไม่สนใจ Canon หรือ Nikon ลองดูรูปครับ
ใช่แล้วครับ เพราะมันมีแป้นปรับ สองอันด้วย ง่ายไปรึป่าวหว่า....เอาน่ะ เอาเป็นว่า มันแปลก ไม่เหมือนชาวบ้านน่ะนะ อ่อ ละก็ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด Dynax 7 เป็นกล้องฟิล์มรุ่นแรก ที่เอาจอ LCD แสดงการทำงานมาไวด้านหลัง แบบนี้
พอเข้าส่ยุคดิจิม่อน ไอ้ฝาหลังอันนี้ มันก็ทำให้มีหลายๆ คนหลงคิดไปว่ามันเป็นกล้อง DSLR อะนะ ที่ผมบอกว่าเป็นรุ่นแรก เราะต่อมา Canon ก็เอา จอ LCD แสดงการทำงานของ Eos 300v และในอนุกรม 300 (เข้าใจว่ามีหลายรุ่น) มาไว้ด้านหลังเหมือนกัน ผมเข้าใจว่า ช่วยให้การแสดงผลชัดเจน และใช้งานง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาติดกล้องบนขาตั้งกล้อง โดยกล้องทั่วไป (รวมกล้องที่ผมใช้ด้วย) จะต้องโยกกล้องขึ้นลงเพื่อดูค่าการทำงาน .....
แต่น่าเสียดายที่ Konica Minolta ไม่เอา Body ของ Dynax 7 ไปทำเป็น Digital (แต่ไปใช้ Dynax 60 แทน) ไม่แน่นะ ถ้าเอา Body Dynax 7 มาทำ Dynax 7D อาจจะไม่ต้องขายกิจการให้ Sony ก็ได้ ใครจะรู้ อิอิ
และกล้อง AF ในดวงใจตัวสุดท้าย (เพราะขี้เกียจนึกแล้วแหละ) ก็คือ หมีน้อย Minolta Dynax 5 ครับ มันก็คือกล้องที่ทำให้ผมตัดใจจาก Eos 50 ก็เพราะเจ้าตัวนี้ ให้ในสิ่งที่ผมต้องการ ครบแบบเดียวกับ Eos 50 (แต่ Eos 50 มีหลายอย่างที่เหนือกว่า แต่ผมไม่คิดจะใช้น่ะนะ) ให้ของครบ ในราคาที่ต่ำกว่า ถ้าผมซื้อ Eos 50 พร้อมเลนส์ ค่าตัวมันจะแพงกว่า ที่ผมซื้อ Dynax 5 พร้อมเลนส์อีกสองตัว สมัยนั้น ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องคุณภาพของเลนส์เท่าไหร่หรอกนะ เอาราคาเข้าว่าอะนะ ^__^ เพราะผมคิดว่า ถ้าไม่เอาภาพมาวางเทียบกัน มันก็คงดูไม่ออกกันง่ายๆ หรอก (ปลอบใจตัวเอง เอิ๊กๆ)
อ่อ....อีกเหตุผลนึงที่ผมเลือกใช้ค่าย Minolta ก็เพราะว่าค่ายนี้มีระบบที่เป็นมากกว่า AF ก็คือระบบ Eye Start ระบบนี้ จะทำงานแบบว่า เมื่อคนถ่ายภาพ (จะมีความรู้เรื่องถ่ายภาพรึไม่ก็ตาม) ระบบ AF จะทงานอัตโนมัติเมื่อ คนถ่ายภาพยกกล้องแนบกับตาของตนเอง โดยไม่ต้องมากดชัตเตอร์ลงครึ่งนึง (เพราะหลายคนไม่รู้ ว่ากดยังไง กว่าจะได้ภาพชัด ก็ต้องกดกันหลายภาพ....) แต่ระบบนี้ช่วยได้เยอะครับ ไม่ต้องอธิบายวิธีให้มากความ แค่บอกว่า ยกกล้องขึ้น แล้วรอแป๊บนึง ค่อยกดชัตเตอร์ ..... แค่นี้ก็ได้ภาพชัดแน่ๆ ^__^
เหตุที่ชอบก็เพราะ ผมไม่เคยได้ถ่ายรูปตัวเองเลยน่ะนะ เพราะคนเค้าไม่กล้ามาถ่ายให้ ....กล้องผมมันใช้ยาก ....T__T ผมก็เลยต้องเอากล้องแบบนี้มาใช้
ตอนนี้หมีน้อยของผมก็อายุ ปาเข้าปีที่ 7 แล้วมั้งน่ะ แก่น่าดู อุอุ แต่มันก็ยังใช้ได้น่ะนะ แต่ก็นะ ผมก็ยังอยากได้ดิจิม่อนอยู่ดีนั่นแหละ T___T
ความคิดเห็น
เรื่องกล้องสองสี ตอนนั้นผมว่ามันสวยดีนา แต่สงสัยผมจะเป็นคนส่วนน้อย อิอิ เพราะทุกวันนี้ ต้องสีดำ ...T__T